ภัทรา
นิคมานนท์ (2542:30-31) กล่าวว่า
เป็นการบอกให้ผู้อ่านทราบว่า ทำไมผู้วิจัยจึงสนใจทำวิจัยปัญหานี้
โดยชี้ให้เห็นสภาพของปัญหาทั่วไปที่เป็นอยู่ในขณะนั้นว่า มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร
อย่างไร ได้มีใครทำการศึกษาค้นคว้ามาแล้วหรือยัง ผลการศึกษาที่มีผู้ทำมาก่อนเป็นอย่างไรบ้าง
สามารถคลี่คลายปัญหาลงได้หรือไม่
ปัญหานั้นผู้วิจัยคิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องหาคำตอบหรือหาทางแก้ไขอย่างไรบ้าง
หากผู้วิจัยได้ศึกษาปัญหานี้แล้วจะเกิดประโยชน์หรือผลดีอย่างไรบ้าง
เป็นการชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องการวิจัยเรื่องนี้ ผู้วิจัยจะต้องแสดงให้เห็นว่างานของตนนั้นสำคัญแก่การสร้างความก้าวหน้าในทางวิชาการ
หรือการปฏิบัติงานในแขนงที่ตนเกี่ยวข้องอย่างไร การแสดงเหตุผล
และการอธิบายควรทำให้ชัดเจนเพียงพอที่ผู้อ่านสามารถประเมินคุณค่าของเรื่องที่จะทำวิจัยได้ว่า
ควรแก่การลงทุน ลงแรงในการทำวิจัยหรือไม่เพียงไร
ถ้าผู้วิจัยสามารถอธิบายให้เห็นความสำคัญได้เด่นชัดเพียงไร
ก็จะทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความคิดของผู้วิจัย
และสามารถประเมินคุณค่าของงานวิจัยได้ถูกต้องยิ่งขึ้น
การเขียนความเป็นมาของการวิจัย
อาจนำเสนอเป็นขั้นตอนดังนี้
1.สภาพปัญหาหรือความไม่สมบรูณ์ของสิ่งที่ผู้วิจัยสนใจขณะนั้น
2.ผลเสียหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อไปจากสภาพปัญหานั้น
หากไม่ได้รับการแก้ไข
3.แนวคิดเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อแก้ปัญหานั้น
4.ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษาหรือทำวิจัยปัญหานั้น
พิสณุ ฟองศรี
(2549:21) กล่าวว่า การเขียนความเป็นมาควรใช้ความคิดของผู้วิจัยเองให้มากที่สุดในลักษณะความเรียง
การอ้างอิงงานวิจัย เอกสาร หรือคำพูดใครก็เลือกเฉพาะที่เด่นๆเท่านั้น
การเขียนต้องโน้มน้าวให้ผู้อ่านคล้อยตามโดยใช้เหตุผลว่าทำไมถึงทำวิจัยเรื่องนี้
เช่น ความสำคัญของพฤติกรรมที่จะให้เกิดในตัวผู้เรียน ถ้าขาดแล้วจะเสียหายอย่างไร
ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ถ้ามีแล้วจะดีอย่างไร
สภาพปัจจุบันยังประสบปัญหาอยู่แก้ไขไม่ได้หรือไม่ได้ผลเท่าที่ควร
มีวิธีที่เหมาะสมในการแก้ไขหรือพัฒนาอย่างไร
ถ้าแก้ไขได้แล้วจะลดปัญหาหรือดีขึ้นอย่างไร ฯลฯ เหตุผลที่ใช้ยิ่งมากตามความเหมาะสมก็จะยิ่งมีความหนักแน่นขึ้น
ภาษาที่ใช้ควรถูกต้อง กะทัดรัด ตรงจุด
เขียนบรรยายความเรียงให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
โดยอาจมีลักษณะเป็นรูปกรวยจากใหญ่ไปหาย่อย ในหนึ่งหน้าควรมี 3-5 ย่อหน้า ย่อหน้าละ 1 ประเด็น
ก่อนจะถึงย่อหน้าสรุปควรนำเข้ามาสู่จุดจะทำในพื้นที่นั้นๆ
ที่สำคัญคืออย่างเขียนวกวนไปมา จะทำให้เสียเวลา
ผู้อ่านรู้สึกสะดุดและเปลืองเนื้อที่
นพเก้า ณ พัทลุง (2548:15) กล่าวว่า ความเป็นมาของการศึกษาหรือวิจัยว่า
สาเหตุของการศึกษามาจากอะไร มีความสำคัญแค่ไหนและอย่างไร
และจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร
สรุปได้ว่า การเขียนความสำคัญและที่มาของปัญหาการวิจัย เป็นการบอกให้ผู้อ่านทราบว่า ทำไมผู้วิจัยจึงสนใจทำวิจัยปัญหานี้ มีการอ้างอิงงานวิจัย
เอกสาร หรือคำพูดใครก็เลือกเฉพาะที่เด่นๆเท่านั้น หากผู้วิจัยได้ศึกษาปัญหานี้แล้วจะเกิดประโยชน์หรือผลดีอย่างไรบ้าง
เป็นการชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องการวิจัยเรื่องนี้ ภาษาที่ใช้ควรถูกต้อง กะทัดรัด ตรงจุด
เขียนบรรยายความเรียงให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
โดยอาจมีลักษณะเป็นรูปกรวยจากใหญ่ไปหาย่อย
ที่มา
ภัทรา
นิคมานนท์.(2542).ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวิจัย.พิมพ์ครั้งที่
2.กรุงเทพฯ:อักษราพิพัฒน์
พิสณุ ฟองศรี.(2549).วิจัยชั้นเรียน
หลักการและเทคนิคปฏิบัติ.พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด พิมพ์งาม.
นพเก้า ณ พัทลุง.(2548).การวิจัยในชั้นเรียน
หลักการและแนวคิดสู่ปฏิบัติ.พิมพ์ครั้งที่ 1:
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น