นพเก้า ณ พัทลุง (2548:47) กล่าวว่า
ผู้วิจัยต้องอ้างอิงเอกสารที่นำมาใช้ในงานวิจัยเพื่อให้เกียรติแก่ผู้ที่อ้างถึงและถือเป็นจรรยาบรรณในการวิจัยอีกด้วย
รูปแบบการเขียนมีหลายลักษณะด้วยกัน ทั้งนี้ผู้วิจัยสามารถเลือกรูปแบบใดก็ได้
แต่ให้เป็นแบบเดียวกันทั้งฉบับ
ซึ่งอาจค้นคว้าได้จากคู่มือการพิมพ์รายงานการวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ
หรือคู่มือการพิมพ์วิทยานิพนธ์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ
http://blog.eduzones.com/jipatar/85921 ได้รวบรวมไว้ว่า ตอนสุดท้ายของโครงร่างการวิจัย จะต้องมี เอกสารอ้างอิง หรือรายการอ้างอิง อันได้แก่ รายชื่อหนังสือ
สิ่งพิมพ์อื่น ๆ โสตทัศนวัสดุ ตลอดจนวิธีการ ที่ได้ข้อมูลมา เพื่อประกอบ
การเอกสารวิจัยเรื่องนั้น ๆ รายการอ้างอิง จะอยู่ต่อจากส่วนเนื้อเรื่อง
และก่อนภาคผนวก โดยรูปแบบที่ใช้ควรเป็นไปตามสากลนิยม เช่น Vancouver Style หรือ APA(American Psychological Association) style
www.ampawa.ac.th/แนวทางการเขียนอ้างอิง.doc ได้รวบรวมไว้ว่า ในการค้นคว้าและเรียบเรียงงานวิจัย จะต้องมีการอ้างอิงเอกสารเพื่อการยืนยันและแสดงหลักฐานของการค้นคว้าวิจัย
การอ้างอิงในที่นี้หมายถึง การอ้างอิงในเนื้อความเพื่อระบุที่มาของความรู้ที่ใช้ในการวิจัยกำหนดให้ใช้การอ้างอิงแบบนามปี
เป็นการอ้างอิงโดยการแทรกเนื้อหาของเอกสารไว้ในเนื้อหาของงานวิจัย ด้วยการระบุชื่อ – นามสกุล ของผู้แต่ง และปีที่พิมพ์
พร้อมทั้งเลขหน้าที่อ้างอิงในเอกสารนั้น เพื่อสะดวกแก่ผู้วิจัยในการอ้างอิงและให้เป็นแนวทางเดียวกันตลอดทั้งเล่ม
สรุปได้ว่า เอกสารอ้างอิงคือ
การนำเอกสารที่ใช้ในงานวิจัยมาเขียน ได้แก่ รายชื่อหนังสือ สิ่งพิมพ์อื่น ๆ
โสตทัศนวัสดุ ตลอดจนวิธีการ ที่ได้ข้อมูลมา เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ที่อ้างถึงและถือเป็นจรรยาบรรณในการวิจัยอีกด้วย
รูปแบบการเขียนมีหลายลักษณะด้วยกัน ทั้งนี้ผู้วิจัยสามารถเลือกรูปแบบใดก็ได้
แต่ให้เป็นแบบเดียวกันทั้งฉบับ
ที่มา
นพเก้า ณ พัทลุง.(2548).การวิจัยในชั้นเรียน หลักการและแนวคิดสู่ปฏิบัติ.พิมพ์ครั้งที่ 1: คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น